ถนอมสายตา ด้วย 5 เทคนิคดีๆที่สายโซเชียลห้ามพลาด!!

สมัยนี้ใครๆก็เป็นสายโซเชียลกันทั้งนั้น!! คุณเคยสำรวจพฤติกรรมตัวเองบ้างมั้ยว่า วันๆคุณใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ตกันกี่ชั่วโมง บางคนอาจใช้แค่วันละ 1-2 ชั่วโมง แต่บางคนอาจตอบว่าใช้กันทั้งวัน ซึ่งแน่นอนว่าอวัยวะที่รับบทหนักที่สุดในระหว่างที่คุณเล่นโซเชียลหรือทำงานหน้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆคงเป็น “ดวงตา” แต่ในทางกลับกัน คุณได้ดูแลดวงตา ถนอมสายตา ของคุณมากน้อยแค่ไหน ?

บทความนี้เลยมี 5 เทคนิคดีๆมาแบ่งปัน ให้ทุกคน ถนอมสายตา กันง่ายๆ ทำได้ทุกวัน เพื่อให้ดวงตาคู่สำคัญอยู่กับคุณไปอีกนานๆ

 

ถนอมสายตา

1. ติดฟิล์มกรองแสง Blue light Cut เพื่อช่วยตัดแสงสีฟ้าที่หน้าจอก่อนถึงดวงตา

เมื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พัฒนาไปเรื่อยๆ อุปกรณ์เสริมอย่างฟิล์มกันรอยสำหรับสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต และคอมพิวเตอร์ก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน สมัยนี้มีฟิล์มติดหน้าจอมีดีมากกว่ากัยรอยขีดข่วนแล้ว เพราะฟิล์มบางประเภทสามารถช่วยกรองแสงสีฟ้าได้ด้วย เป็นการช่วยตัดแสงสือฟ้าหรือลดการสะท้อนเข้าดวงตานั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่าแสงที่เห็นออกมาจากอุปกรณ์ต่างๆก็เป็นสีขาวปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายในแสงสีขาวนั้นจะประกอบด้วยโทนสีหลายสี รวมทั้งแสงสีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง ซึ่งแสงกลุ่มนี้เป็นอันตรายต่อดวงตา เพราะกลุ่มแสงสีฟ้าสามารถทะลุทะลวงได้ถึงจอประสาทตา มีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแวงสีอื่น ถึงแม้ว่าโดยธรรมชาติดวงตาของมนุษย์จะสามารถกรองแสงสีฟ้าได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราใช้สายตาจ้องที่หน้าจอนานๆก็มีควาเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตรายต่อดวงตาในระยะยาว

ผลเสียจากแสงสีฟ้า (Blue Light)

  • ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้ง เพราะเมื่อจ้องมองแสงสีฟ้านานๆ ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนัก
  • มีอาการตาแห้ง เพราะปุกรณ์ต่างๆมักมีขนาดเล็ก ทำให้ต้องจ้องมองมากกว่าปกติ
  • ทำให้จอประสาทตาเสื่อม เพราะแสงสีฟ้าสามารถทะลุทะลวงเข้าไปได้ถึงจอประสาทตา และทำลายเซลล์รับแสงในจอประสาทตาได้

รู้อย่างนี้แล้ว การหาตัวช่วยในการลดปริมาณแสงสีฟ้านั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้สายตาจองมองอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์วันละหลายๆชั่วโมง

 

ถนอมสายตา

2. ตั้งค่าโหมด Blue Light ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วย ถนอมสายตา

นอกจากการติดฟิล์มกรองแสงที่ตัวเครื่องกันแล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยนี้ยังมีฟังก์ชั่นดีๆ ที่มักใช้ชื่อว่า “Blue Light Mode” (อาจใช้ชื่อแตกต่างกันไปแล้วแต่อุปกรณ์) โดยมีจุดประสงค์ช่วยปรับหน้าจอของอุปกรณ์ให้มีการสะท้อนของแสงสีฟ้าน้อยลง เพียงแค่ตั้งค่าอุปกรณ์ของเราให้เป็นโหลด Blue Light ก็สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นตามไปดูเทคนิคข้อต่อไปกันต่อเลยค่ะ

 

ถนอมสายตา

3. แว่นกรองแสงช่วย ถนอมสายตา

แว่นกรองแสงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญของสายจ้องจอ ไม่ว่าจะเป็นชาวออฟฟิศหรือนักเรียนที่ต้องใช้สายตาจ้องจอคอทพิวเตอร์เป็นประจำ หรือสายโซเชียลติดสมาร์ทโฟนก็ควรตระหนักกันให้มากขึ้น ตามร้านแว่นมีเลนส์ให้เลือกมากมากหลายประเภท และเลนส์ที่กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆคือ เลนส์กรองแสง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกรองแสงสีฟ้าได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสายตาสั้นที่ใส่แว่นอยู่แล้วหรือแค่อยากได้แว่นเอาไว้ใส่ขณะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็สมควรแก่การเป็นเจ้าของแว่นกรองแสงมากๆ เพราะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สามารถลดความเสี่ยงจากแสงสีฟ้าได้เช่นกัน

 

ตรวจสุขภาพดวงตา

4. ตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำ

นอกจากการป้องกันสายตาจากการคุกคามของแสงสีฟ้าแล้ว อย่าลืมไปตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เผื่อว่าถ้าดวงตากำลังเผชิญกับปัญหาอะไร จะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์ และรักษาได้ทันท่วงทีนะคะ

ความสำคัญของการตรวจสุขภาพดวงตา

  • ผู้มีภาวะสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำ อบ่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่องจากผู้ที่มีสายตาผิดปกติ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตาบางชนิดสูงกว่าผู้ท่มีสายตาปกติ ดังนั้น การเข้ารับการตรวจเป็นประจำถือเป็นการเฝ้าระวังโรคทางตาที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ผู้ที่มีสายตาปกติ ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเช่นกัน เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น ย่อมมีความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตามากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรเข้ารับการตรวจเพื่อเป็นการเฝ้าระวังโรคทางตาที่อาจเกิดได้ เช่น โรคต้อหิน หรือ โรคจอประสาทตาเสื่อม

 

ถนอมสายตา

5. ดูแลสายตาด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

นอกจากการดูแลถนอมสายตาจากภายนอกแล้ว เรายังสามารถช่วยถนอมสายตาจากภายในได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารประเภทที่ช่วยบำรุงสายตาได้ดี หรือเลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงดวงตาช่วยดูก็เป็นอีกทางเลือกดีๆนะคะ

โดยสารสกัดจากธรรมชาติที่สามารถช่วยดูแลสุขภาพดวงตาได้นั้นมีหลากหลายชนิด แต่ที่นิยมกันมากมีสารสกัดจากธรรมชาติ 4 ชนิด คือ

  • ลูทีน (Lutein) เป็นสารสกัดกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบในดอกดาวเรือง คะน้า ผักกาดและพืชอีกหลายชนิด เราจะพบสารนี้ได้มากในบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา
  • แอสตาแซนธีน (Astaxanthin) เป็นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง ฮีมาโตคอกคัส พลูเวียลิส มีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา
  • บิลเบอร์รี่ (Bilberry extract) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้เส้นเลือดฝอยไม่เปราะหรือแตกง่าย ช่วยในการมองเห็นในที่มืด ป้องกันอาการตาบอดตอนกลางคืน ป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาขุ่นมัว
  • วิตามินอี (Vitamin E) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่รู้จักกันดี และยังสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงสายตา

นอกจากนี้เรายังมี 6 วิธีปฏิบัติที่จะช่วย ถนอมสายตา

1. นั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ในระยะที่เหมาะสมประมาณ 1 ฟุต 10 ซม.
2. อ่านหรือเขียนหนังสือโดยมีแสงสว่างเพียงพอ
3. พักสายตาบ้าง ไม่ควรใช้สายตาติดต่อกันนาน
4. หลีกเลี่ยงการมองของที่มีสีขาว หรือวัตถุที่สะท้อนแสงมากๆกลางแดด
5. ควรสวมแว่นกันแดด หรือสวมหมวกทุกครั้งเมื่ออกแดดจ้า
6. รับประทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อสายตา

ได้รู้วิธีการ ถนอมสายตา กันไปแล้ว ถึงเวลาเริ่มดูแลสุขภาพดวงตากันอย่างจริงจังแล้วนะคะ

 

ติดตามเคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ได้ที่   https://www.facebook.com/healthyclub.by.biopharm/

ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับ Biopharm ทาง Line Official : @biopharm